วันอาทิตย์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

การใช้ภาษาไทยอย่างมีศิลปะ


การใช้ภาษาที่สื่อสารความหมายได้ดีผู้ใช้ภาษาจะต้องมีพื้นความรู้เกี่ยวกับการใช้ถ้อยคำที่ถูกต้องตามความหมายและการใช้ประโยคที่ ถูกต้องตามกลักไวยากรณ์มาก่อนจึงจะสามารถใช้ภาษาสื่อความหมายได้ชัดเจนศิลปะของการใช้ภาษาที่ดีควรมีลักษณะดังต่อไปนี้
-การใช้สำนวนคำพังเพยคำเปรียบต้องเลือกให้ตรงกับความนิยมของคนทั่วไป
-การออกเสียงคำตามความนิยมคำบางคำเมื่อนำมาใช้แล้วออกเสียงไม่ตรงตามหลักเกณฑ์ของภาษา เป็นเพราะความนิยมของผู้ใช้ภาษาต้องการออกเสียงเช่นนั้น
เป็นการสื่อสารที่ใช้สื่อเข้าช่วยให้ถึงคนจำนวนมากๆในเวลาเดียวกันซึ่งไม่อาจกำหนดจำนวนผู้รับสารได้ และไม่อาจรับผลย้อนกลับได้ทันที
              ลักษณะที่แสดงว่าผู้ส่งสารใช้ภาษาไทยอย่างมีศิลปะพิจารณาได้จากความสามารถในการใช้ภาษาได้อย่างมีความไพเราะ สละสลวยน่าฟังเหมาะสมกับกาลเทศะก่อให้ผู้รับสารเกิดความน่าเชื่อถือสบายใจและประทับใจในการสื่อสารร่วมกัน การใช้ภาษาไทยในการสื่อสารอย่างมีศิลปะควรมีหลักการสื่อสารดังนี้

             ๑.ใช้วิธีหลากคำ การใช้คำไม่ซ้ำซากจำเจถ้าไม่ต้องการเน้นคำใดเป็นพิเศษไม่ควรใช้คำนั้นซ้ำหลายครั้งในที่ใกล้กันิเพราะจะ ทำให้เกิด การซ้ำคำควรใช้การหลากคำให้เหมาะสม  การใช้คำให้เหมาะกับกาลเทศะและบุคคล การใช้ภาษาให้มีประสิทธิผลนั้นนอกจากจะคำนึงถึงความหมายแล้วยังต้องคำนึงถึงระดับภาษาที่ใช้ ให้เหมาะแก่เวลา สถานที่ ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล สื่อที่ใช้ในการส่งสาร และควรคำนึงถึงฐานะ  ทางบุคคลซึ่งเกี่ยวข้องกับคำสุภาพและราชาศัพท์ด้วย การใช้คำให้ตรงตามความนิยมของผู้ใช้ภาษาเดียวกัน คำที่มีความหมายเดียวกัน จะเลือกใช้คำใดแล้วแต่ความนิยม  ของผู้ใช้ภาษานั้น เช่น ชุมชนแออัด การจราจรคับคั่ง ผู้คนแน่นขนัด ประชากรหนาแน่น

๒.ใช้ภาษาเรียบง่ายแต่สื่อสารความหมายได้ดี
ไม่ใช้ประโยคที่ซับซ้อนเต็มไปด้วยคำฟุ่มเฟือย
-ไม่ใช้ภาษาที่คลุมเครือขาดความชัดเจน

๓.ใช้ภาษาถูกต้องตามความนิยม
               การใช้ภาษาถูกต้องตามความนิยมคือการนำมาใช้ทำความเข้าใจความหมายของสารหรือภาษาและเป็นไปตามข้อตกลงของสังคม เช่น
-การเรียกชื่อสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆที่เป็นที่รู้จักทั่วไป

  ๔.รู้จันำถ้อยคำสำนวนมาใช้
               การนำถ้อยคำสำนวนมาใช้จะทำให้การใช้ภาษามีความสละสลวยและมีอรรถรสดีขึ้นทั้งนี้จะต้องยึดหลักความเหมาะสมกับกาลเทศะ และถูกต้องตามความนิยมและความหมายของถ้อยคำสำนวนนั้นๆเช่น
-ในเมื่อตอนนี้เรายังไม่สามารถคาดเดาสถานการณ์ได้อย่าทำตัวเป็นกระต่ายตื่นตูมไปเสียก่อน
กระต่ายตืนตูม เป็นสำนวนหมายถึงอาการที่ตื่นตกใจง่ายโดยไม่พิจรณาให้ถ่องแท้เสียก่อน
-งานนี้รับรองว่ายากยิ่งกว่าเข็นครกขึ้นภูเขาเสียอีก
เข็นครกขึ้นภูเขา เป็นสำนวนหมายถึงทำงานที่ยากลำบากเกินความสามารถ

 ๕.รู้จักใช้ภาษาให้เกิดภาพพจน์
การใช้ถ้อยคำที่ช่วยให้ผู้รับสารนึกเห็นภาพหรือเกิดความรู้สึกอย่างใดอย่างหนึ่งจะช่วยให้สื่อความหมายได้ชัดเจนยิ่งขึน ถ้อยคำที่ช่วยให้เกิดภาพพจน์ เช่น
-คำที่แสดงอาการเช่นกระฟัดกระเฟียด,สะอิดสะเอียน,หลุกหลิก,ผลุนผลัน,โซเซ
-คำที่แสดงความรู้สึกเช่นร้อนอบอ้าว,ร้อนผ่าวๆ,แห้งผาก,หวานแหลม,เย็นเจี๊ยบ
-คำที่แสดงภาพเช่นสูงตระหง่าน,บานสะพรั่ง,เตี้ยม่อต้อ,ผวสลวย,เหลืองอร่าม

-คำที่แสดงเสียงเช่นเซ็งแซ่,เปาะแปะ,อ้อแอ้,เจี้ยวจ๊าว,เอะอะโวยวาย,อึกทึกครึกโครม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น